Blackface คืออะไรมาจากไหนทำไมจึงอ่อนไหว?

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีดราม่าในวงการแฟชั่นที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดผิวถึงสองกรณีด้วยกัน กรณีแรกนั่นคือ Sweater ในคอลเลคชั่น Fall/Winter 18 ของ Gucci ที่สามารถดึงคอเสื้อมาคลุมได้ถึงบริเวณจมูก แต่มีการเว้นช่วงปากไว้และบริเวณที่คลุมรอบริมฝีปากนั้นมีสีแดง

 

 

 

และเคสที่สองสดๆกับรองเท้าของ Katy Perry ที่ประดับลักษณะคล้ายหน้าคนบนรองเท้าสีดำสนิท ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน Prada เองก็มีประเด็นกับพวกกุญแจ Otto-Toto ด้วยสาเหตุใกล้เคียงกัน นั่นคือพวงกุญแจตัวนี้มีลักษณะเหมือนลิงสีน้ำตาลเข้มที่ปากหนาๆสีแดง หรือย้อนไปไกลกว่านั้นแบรนด์ Scooter LaForge ก็เคยมีเสื้อโค้ทที่สกรีนลาย คล้ายคลึงกับหน้าของ Sambo ตัวละครผิวสีปากหนาสีแดง หรืออีกหลายๆกรณีที่เกิดขึ้นเรื่อยมา

 

 

 

สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนก็คือทุกกรณีมีจุดร่วมกันที่ ใบหน้าสีดำกับปากหนาๆสีแดง แล้วทำไมสิ่งนี้ถึงอ่อนไหวมากนักในสากลโลก วันนี้เราจะมาแถลงไขให้ครับ

Blackface (and Red Lips) ในบริบทของโลกตะวันตกนั้นเป็นภาพแทนของการเหยียดผิวอย่างชัดเจน โดยมีที่มาจากช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 มีโชว์หนึ่งที่ค่อนข้างโด่งดังและได้รับความนิยมในอเมริกาอย่างมาก นั่นก็คือ Minstrel Show ซึ่งเป็นการแสดงล้อเลียนชาวผิวสี โดยนักแสดงคนขาวจะทาผิวเป็นสีดำ และเว้นขอบปากไว้หนาๆเหมือนตัวตลก พร้อมกับแสดงท่าทางความไม่ฉลาด ความขี้เกียจต่างๆ เป็นการเหมารวมคนผิวสีเพื่อความบันเทิงของคนขาวอย่างแท้จริงในยุคหนึ่ง ซึ่งนี่คือจุดกำเนิดของ Blackface ที่สะเทือนใจชาวผิวสีทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Jim Crow ของ Thomas D. Rice นักแสดง Minstrel Show ที่โด่งดังและมีคาแรคเตอร์ที่ล้อเลียนและกดขี่ชาวผิวสีอย่างชัดเจน ถึงขนาดที่ว่า Jim Crow กลายเป็นชื่อของกฎหมายในยุคหนึ่งที่ระบุว่าคนดำนั้นเป็นด้อยกว่าคนขาว ซึ่งเราน่าจะได้เห็น Jim Crow ในคราบของ Childish Gambino ในเพลง This is America อยู่เช่นกัน นั่นแสดงให้เห็นถึงสัญญะอันเป็นสากลของ Jim Crow หรือ Blackface ที่สื่อความไปยังการเหยียดผิวอย่างชัดเจน

ด้วยเหตุที่กล่าวไปทำให้การเอาคนขาวมาแต่งเป็นคนดำ หรือการใช้ลักษณะหน้าดำปากแดงนั้น แทบจะกลายเป็นเรื่องต้องห้ามไม่ว่าวงการไหนๆก็ตาม เพราะต้องยอมรับว่าเป็นเรื่อง Sensitive ระดับโลกจริงๆ แต่ไม่ว่าจะผ่านมาเป็นร้อยปีอย่างไร ก็ไม่วายจะมีการผิดพลาดซ้ำไปซ้ำมากันอยู่เรื่อยๆทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ยิ่งในวงการบันเทิงอย่างฮอลลีวูดก็มีพลาดกันออกมาบ่อยทีเดียว แต่ในวงการแฟชั่นเองก็ไม่น้อยหน้า เพราะนอกจากคอลเลคชั่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างๆที่มีดีไซน์ไปโดนเส้นแบ่งตรงนี้อย่างที่กล่าวไปตอนต้นแล้ว Editorial หลายๆสำนัก หรือแม้กระทั่งบนรันเวย์ ก็พลั้งพลาดในการใช้ Blackface อยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Vogue, Vivienne Westwood, Lie Sang Bong, L’Officiel Homes และอื่นๆอีกมากมาย 

อย่างไรก็ตามเราก็เชื่อว่าไม่ใช่ทุกเคสที่จงใจจะก่อดราม่าหรือจงใจที่จะเหยียดสีผิว เพราะเรื่องแบบนี้มีแต่จะทำลายชื่อเสียงของแบรนด์ ดังนั้นการรู้ถึงสิ่งต้องห้ามบางอย่างนี้ไว้ อาจจะทำให้เรารอบคอบและระวังมากขึ้น จนทำให้เราไม่พลั้งพลาดหยิบจับอะไรที่มันไม่เหมาะสมออกมาแบบหลายๆเคสที่กล่าวไป อย่างน้อยการป้องกันก็ดีกว่าแก้ไขอยู่แล้วแหละครับ และที่แน่ๆก็คือ

เราควรเคารพในความเท่าเทียมกันของมนุษย์ทุกคน จะต้องไม่มีใครถูกลดทอนความเป็นมนุษย์อีกต่อไปครับ

 

 

 

 

 

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้การวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก